วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ควบคุมน้ำหนัก


ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร


เราทราบกันอยู่แล้วว่า “โรคอ้วน” สามารถรักษาได้หลากหลายวิธี เป็นต้นว่า การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ การปรับปรุงพฤติกรรม การใช้ยาและการผ่าตัด การลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร ถือเป็นด่านแรกของการลดน้ำหนักจะทำอย่างไร

การควบคุมอาหาร เป็นการลดน้ำหนักที่เราทำกันมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมา มักจะลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาวมักจะไม่ได้ผล เนื่องจากว่าเราขาดความรู้เรื่องอาหารต่างๆ ทั้งชนิด ประเภทใดบ้างที่เหมาะสมสำหรับการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังเรื่อง ลักษณะนิสัยการรับประทานอาหาร ( ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นมากที่ต้องปรับเปลี่ยน

อาหารลดน้ำหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีแคลอรี่น้อย โดยจะต้องรับประทานในระยะยาวด้วย การจัดตารางการรับประทานอาหาร ควรจะเป็นกลุ่มไขมัน ร้อยละ 10 กลุ่มโปรตีนร้อยละ 15 กลุ่มผักผลไม้ ร้อยละ 35 และกลุ่มคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 40 ส่วนใหญ่การรับประทานอาหารต่อวันไม่ควรเกิน 1,200 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ได้มีรายงานวิจัยพบว่า อาหารที่ไม่ไขมันต่ำ ( ไม่เกินร้อยละ 10) สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 5 กิโลกรัมในคนอ้วน และลดอัตราการเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

การปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหาร รับประทานอาหารด้วยปริมาณที่น้อยลง โดยการเลือกจานใบเล็กแทนใบใหญ่ หรือแบ่งมื้ออาหารเป็น 5 มื้อย่อยจานเล็กๆ ดีกว่ารับประทานอาหาร 3 มื้อด้วยจานใบใหญ่ แล้วหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว รอซัก 30 นาทีเพื่อถามตัวเองว่ายังรู้สึกหิวอยู่จริงๆ จึงค่อยเพิ่มปริมาณอาหารอีกทีละน้อย นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารคนเดียว เพื่อจะได้ควบคุมปริมาณได้ถูกต้อง และเลี่ยงการรับประทานอาหารในสถานที่ บุคคล หรือบรรยากาศ ที่เอื้อต่อการกินให้มากขึ้น

หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และทำให้น้ำหนักเพิ่ม เช่น หลีกเลี่ยงน้ำตาล โดยเฉพาะเกี่ยวกับ ขนมขบเคี้ยว เค้ก ขนมหวาน ลูกอม ลูกกวาด ไอสครีม ช็อกโกแลต เพราะจะมีไขมันและแคลอรี่สูงมาก และจะยับยั้งความหิวของคุณได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าหิวควรทดแทนด้วยผลไม้สดที่ไม่หวานจัด และไม่ควรเก็บของว่างหรืออาหารไว้ในตู้เย็น หรือครัว นอกจากนี้ ต้องจำกัดหรืองดเครื่องดื่มอัลกอฮhttp://www.blogger.com/post-create.g?blogID=3498338717423379284อล์ เพราะมีแคลอรี่สูงพอๆ กับไขมัน ควรจะดับกระหายด้วยน้ำเปล่า

อนึ่งการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร แต่เพียงอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะได้ผลดีเฉพาะกรณีที่น้ำหนักเกินมาตรฐานประมาณ 5 กิโลเท่านั้น และต้องใช้ความอดทน ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ดังนั้นการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ ต้องทำร่วมด้วยเสมอ ที่สำคัญ ต้องยึดมั่นในทัศนคติของคุณในการตั้งใจลดน้ำหนัก แม้จะมีน้ำหนักหวนกลับมาเพิ่มขึ้นอีก แต่มันจะเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ต้องสู้ สู้ สู้ ไม่ท้อถอย



ที่มา : clinicneo

การลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

 
ผอมแบบถาวร สวยแบบเป็นธรรมชาติ ด้วยการลดน้ำหนักด้วยต้นเอง และด้วยวิธีธรรมชาติไร้สารเคมีเจือปน ทำให้คุณลดความอ้วนได้อย่างถาวร เพียงแค่ คุณรู้จักมีวินัยและคงบคุมตนเองได้ เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า ว่าวิธีที่ว่าลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ มันเป็นอย่างไรเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา อิอิ

การลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

  1. ไม่กินข้าวมื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ
  2. เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก
  3. เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด ติดต่อกัน 3 วัน
  4. อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน โดยเริ่มจาก 2 วันแรกกินผลไม้ ต่อจากนั้นอีก 7 วันกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม
  5. กินเนื้อกับผัก โลว์-คาร์บ(Low-Carb) คือกินได้ทุกอย่าง โดยไม่แตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุดและกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อตามสูตรนี้แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับพลังงานหลักจากคาร์โบ ไฮเดรตตามปกติ แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วยนะคะ
ข้อมูลจาก THAIMAN
 

ลดน้ำหนักลดความอ้วนและโยโย่ แอฟเฟค

 
โย่โย่ เอฟฟเฟค คนที่ลดน้ำหนักมาแล้วหลายๆ คนคงคุ้นเคยกันดีบางคนอาจจะประสบพบเจอมาแล้วตอนที่ลดความอ้วน หรือเป็นอะไรที่หลายคนกลัวกันมากเมื่อจะเลือกวิธีหรือ ศูนย์ลดน้ำหนักเพื่อที่จะลดความอ้วนและส่วนเกิน แต่ที่จริงแล้วมันเกิดจากอะไร มาคุ้นเคยกับมันและหาทางป้องกันและแก้ไขกันดีกว่า

ลดน้ำหนักลดความอ้วนและโยโย่ แอฟเฟค

คนที่เกิดอาการ โยโย แอฟเฟคนี้ โอกาสที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บก็จะง่ายกว่าคนที่น้ำหนักคงที่ วิธีแก้ไขโยโย่เอฟเฟคทำได้โดยการออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร เพราะการออกกำลังกายนี้จะช่วยลดผลร้ายที่มีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากการที่มีน้ำหนักที่ลดลง และทำให้น้ำหนักตัวคงที่ด้วย หากคุณคนไหนที่คิดจะกินยาลดความอ้วนโดยการกินยาลดความอ้วนว่า คุณจะต้องคิดไว้เสมอว่าเอาสุขวันนี้ แล้วจะมานั่งทุกข์ในวันข้างหน้าหรือ?สำหรับคนที่เจอ โยโย แอฟเฟค เข้าแล้ว สิ่งที่ต้องจำไว้ให้ดี คือ อย่าหวนคืนไปผิดเป็นครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ ทางที่ถูกคือ หันมากินแบบเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอคะ ถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องใช้เวลาปรับตัวจาก โยโย แอฟเฟค บ้างแต่ให้ใจเย็นๆ คุณควรทานให้ครบทุกมื้อ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและเมื่อเกิดโยโย แอฟเฟค อย่าพยายามลดครั้งใหม่โดยการกินอาหารแคลอรีต่ำๆอีกนะคะ
ข้อมูลจาก THAIMAN
 

สูตรลดหน้าท้อง พร้อมล้างพิษไปในตัว

 


ส่วนผสม

1. โยเกิร์ตรสจืด ครึ่งถ้วย
2. นมสดรสจืด 1 กล่อง
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. มะนาว 1 ลูก

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

วิธีการดื่ม
ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล

มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น
สรรพคุณ
ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน

กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุก วัน
โทษของไขมัน
ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ
3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไปด้วย
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
จะพบว่าใน น้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต

บอกเป็นภาษา โภชนาการมาพอสมควร เรามายกตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ กันดีกว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อยๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่างๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป
ข้อมูลจาก โดย pooying
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น